วันพฤหัสบดีที่ 24 มกราคม พ.ศ. 2551

Beaverton in January 007

“อาจารย์ช่วยไปประชุมที่บีเวอร์ตั้นต้นเดือนมกราคมนี้หน่อยนะคะ” เจ้าแม่แสนสวยเอ่ย
โอวว์... มกราคม... มกราคมอีกแล้ว คราวที่แล้วก็ไปมินนิอาโพลิสในเดือนมกราคม มาคราวนี้ก็ไปบีเวอร์ตั้นในเดือนมกราคม เจอหิมะอีกแล้วสิครับเนี่ย
กลับมาบ้านหยิบ passport ออกมาดู อ้าว เฮ้ย! วีซ่าไปอเมริกาหมดอายุไปแล้ว ต้องไปทำใหม่สิครับทั่น

การทำวีซ่าไปอเมริกาครั้งนี้ไม่เหมือนกับเมื่อ ๑๐ ปีที่แล้ว เพราะมีขั้นตอนซื้อ token เพื่อกำหนดวันนัดสัมภาษณ์ทาง internet วันไปสัมภาษณ์ ผมนั่งรออยู่กว่าสองชั่วโมงกว่าจะถึงคิว คนเยอะมาก
“Put your right first finger on the scanner”
“Now your left first finger”
“You used to have 10 years visa, right?” – “Yes”
“Have you ever stayed in US for more than 6 months?” – “No”
“You’re going to US for business meeting this time, right?” – “Yes”
“Ok, we’ll mail your passport to your house. Good luck” – “Thank you”

แค่นี้เองครับ รอกว่าสองชั่วโมง คุยกันแค่นี้จริงๆ แล้วอีกไม่กี่วันต่อมา ผมก็ได้ passport ส่งคืนมาที่บ้านพร้อมวีซ่าเข้าอเมริกา ๑๐ ปี อีกครั้ง

บีเวอร์ตั้นเป็นเมืองเล็กๆ เงียบๆ ในรัฐโอเรก้อน แต่เชื่อหรือไม่ เมืองนี้เป็นที่ตั้งของสำนักงานใหญ่ของบริษัทยักษ์ใหญ่ระดับโลกถึง ๒ บริษัท คือ อินเทล กับ ไนกี้ ตอนผ่านตรวจคนเข้าเมืองที่พอร์ทแลนด์ เจ้าหน้าที่ถึงกับเอ่ยปากถามทันทีที่รู้ว่าผมกำลังจะไปบีเวอร์ตั้น
“Intel or Nike?”

ทันทีที่เราหลุดออกมาจากสนามบิน ผมกับคุณนา สาวอินเดียผู้เป็นเพื่อนเดินทางของผมในการเดินทางครั้งนี้ ก็จับแท็กซี่ไปสำนักงานใหญ่ที่บีเวอร์ตั้นทันที คนขับแท็กซี่เป็นผู้อพยพชาวรัสเซีย เพิ่งมาอยู่อเมริกาได้ไม่นาน พูดยังไม่ค่อยคล่อง แต่ก็ช่างคุย โม้โอดโอยว่าต้องขับแท็กซี่เลี้ยงลูกเป็นโหล แถมยังพาเราไปส่งผิดที่ผิดทาง จนเราต้องระหกระเหินหนาวสั่นหาทางเข้าอยู่เป็นนาน กว่าจะได้เข้าไปยืนอุ่นอยู่ในอาคาร

หลังจากเดินถามทางไปเรื่อยจนหาออฟฟิสคุณอุ้ยเจอ พร้อมส่งมอบรองเท้าตัวอย่างให้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว เราก็เดินสำรวจสถานที่และทักทายผู้ที่เรารู้จักและเผอิญผ่านมาเป็นเหยื่อให้เราได้เซย์ฮัลโหล

ได้เวลาเลิกงาน คุณอุ้ยขับรถไปส่งผมที่โรงแรม ส่วนคุณนาเธอไปนอนกับคุณอุ้ย แบบว่าประหยัดงบ โรงแรมที่ผมอยู่ ชื่อ Homewood Suites หน้าตาทั้งข้างนอกข้างในละม้ายเหมือนกับ Hawthorn Suites ที่ผมเคยไปพักเป็นประจำที่มินนิอาโพลิสเปี๊ยบ จึงรู้สึกคุ้นเคยเป็นพิเศษ

ค่ำนั้นคุณอุ้ยมารับไปทานอาหารที่ร้านอาหารญี่ปุ่น ซดบะหมี่น้ำด้วยความเอร็ดอร่อย

รุ่งขึ้นเช้าวันเสาร์ ก่อนถึงเวลากำหนดนัดเกือบชั่วโมง Mama Toh ก็แวะมาเยี่ยมเยียนถึงโรงแรมโดยมิได้นัดหมาย Mama Toh เป็นสาวชาวมาเลย์เชื้อสายจีนที่มาเรียนต่อในอเมริกาและทำงานมีครอบครัวอยู่ที่เมืองนี้มาหลายปีแล้ว อัธยาศัยดีมากๆ เราคุยกันทั้งเรื่องงานและเรื่องสัพเพเหระทั่วไปจนคุณสองมาตามนัดตอน ๘ โมงเช้า เราจึงได้ยุติการสนทนา

เราไปรวมพลกันที่อพาร์ทเม้นท์คุณสอง ก่อนที่จะออกเดินทางไปทัศนศึกษา วันนี้คุณสองพาเราไป Seaside ชายฝั่งมหาสมุทรแปซิฟิก ถ้าอยู่เมืองไทย พูดถึงทะเล มหาสมุทร เราคงนึกถึงสาวในชุดบิกินี่นอนอาบแดด แต่ชายฝั่งมหาสมุทรที่นี่ลมกระโชกแรงหนาวจับใจ ไม่มีบิกินี่ มีแต่เสื้อหนาว ผ้าพันคอ และ ถุงมือ

คุณสองขับรถลัดเลาะไปเรื่อย จนข้ามไปถึงรัฐวอชิงตัน ตอนเที่ยงเราแวะทานอาหารแม็กซิกันที่ Astoria และเที่ยวชมหมู่หิน Haystack ริม Cannon Beach คุณสองขับรถพาเราเลียบชายฝั่งอยู่เป็นนานเพื่อไปชมปลาวาฬ (“ม่ายช่าย ต้องออกเสียงว่า เวลล์”) ณ จุดหนึ่งเราคิดว่าเราเจอเวลล์แล้ว แต่คุณนาเธอเถียงว่าไม่ไช่ เราเลยสรุปกันว่า ถ้าคราวหน้ามาเจอมันอยู่ ณ ตำแหน่งนี้อีก มันต้องเป็นก้อนหิน Haystack ชัวร์

ค่ำนั้นเราแวะไปทานข้าวอพาร์ทเม้นท์คุณตุ๊ก ไข่เจียว แกงส้ม กุ้งอบวุ้นเส้น ข้าวสวย เพียงเท่านี้ คนไทยพลัดถิ่น ๕ คน ก็มีความสุขเหลือหลาย

กลับถึงโรงแรมคืนนั้น ขณะกำลังจะเตรียมอาบน้ำก็มีเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น Mama Toh เธอมาพบผมอีกครั้ง คราวนี้ไม่ได้มามือเปล่า มีของฝากมาเพียบ ทั้งเป้ กระเป๋า นาฬิกา ฝากผมไม่พอ ยังเผื่อแผ่ไปยังครอบครัวอีกด้วย แม่คุณช่างน่ารักจริงๆ นี่แหละน้ำใจชาวจีน เรานั่งคุยกันอีกกว่าชั่วโมง คุยกันลึกถึงการเมืองในที่ทำงาน และชีวิตการทำงานของชาวเอเชียในดินแดนอเมริกา เรามีความเห็นตรงกันหลายเรื่อง และทำให้ผมมองภาพการทำงานในบริษัทนี้ได้ทะลุขึ้นอีกมาก นอกจากนี้เธอยังทำให้ผมคิดถึงเพื่อนๆ ชาวจีนโพ้นทะเลของผมอีกหลายคนในมินนิอาโพลิสอีกด้วย

เช้าวันต่อมา คุณสองพาเราไปเที่ยวชมน้ำตก Silver ความพิเศษของน้ำตกนี้ก็คือมีทางเดินอ้อมไปหลังน้ำตกได้ ละอองของน้ำตกฟุ้งกระจาย มีมอสและตะไคร่ขึ้นเต็มไปหมดด้วยความชื้น หนาวก็หนาว แต่พวกเราก็ไปถ่ายรูปหลังม่านน้ำตกกันอย่างสนุกสนาน

คุณอุ้ยสละเสื้อ jacket สีแดงแปร๊ด มี hood ให้ผมตัวนึง เพราะผมไม่ได้เตรียมเสื้อกันหนาวกันน้ำแบบมีผ้าคลุมศีรษะไปเลย แต่ถึงขนาดใส่เสื้อหนาวสองชั้น มันก็ยังหนาวสั่นอยู่ดี ละอองน้ำตกแรงและหนาแน่นทำให้เราเปียกปอนปานได้ลงเล่นน้ำตกทั้งชุดกันทุกคน

อิ่มอร่อยมื้อกลางวันที่ McDonald แล้วเราก็ไปเดินช้อปปิ้งกันที่ Woodburn แหล่ง Factory Outlet ของสินค้า brand name มากมาย ได้สมบัติติดไม้ติดมือกันคนละเล็กละน้อย

บรรยากาศของการประชุมตลอดทั้งสัปดาห์นั้น เป็นไปอย่างอบอุ่นและเปี่ยมไปด้วยความตั้งใจ ผู้คนที่มาประชุมกันก็มาจากเมืองไทย เมืองจีน และจากคนที่บีเวอร์ตั้น การประชุมเป็นไปด้วยดี และสามารถบรรลุข้อตกลงได้ รวมทั้งวางแบบแผนการทำงานในระบบใหม่ได้ในวันก่อนสุดท้ายของการประชุม วันที่หิมะแรกร่วงพรูสู่พื้นพสุธายามเที่ยง อย่าว่าแต่หนุ่มไทยอย่างผม อย่างคุณตุลย์ หรือสาวอินเดียอย่างคุณนา จะตื่นเต้นออกไปยืนถ่ายรูปท่ามกลางหิมะโปรย แม้แต่หนุ่มๆ สาวๆ ชาวจีน หรือแม้กระทั่งฝรั่งอย่างคุณไมเคิ้ล ยังตื่นเต้นออกไปยืนถ่ายรูปท่ามกลางหิมะโปรยกันเป็นที่ครึกครื้น

และแล้ววันสุดท้ายของการประชุมก็มาถึง พวกเราสรุปการประชุมและนำเสนอแผนงานใหม่แก่ทีมผู้บริหารระดับสูงได้อย่างน่าประทับใจ เย็นนั้นเราไปฉลองส่งกันที่อพาร์ทเม้นท์คุณสองด้วยอาหารไทยที่เราชื่นชอบและคุ้นเคย ฝรั่งอย่างคุณไมเคิ้ลยังซดน้ำแกงได้อย่างไม่มีเคอะเขิน

คืนนั้น ผมเก็บของอยู่นานหลายชั่วโมง บรรดาของที่ถูกน้องๆ บังคับฝากซื้อ เช่น เสื่อโยคะ (ตั้ง ๕ ผืน) และ รองเท้า ล้วนอัดแน่นเข้าไปในกระเป๋าใหญ่ใบใหม่ที่ผมเพิ่งซื้อก่อนมาเพราะรู้ตัวดีว่าต้องขนของกลับเยอะ ทำเอาแทบปิดกระเป๋าไม่ลงเลยทีเดียว

ตีห้าเราเช็คเอ้าท์ออกจากโรงแรมขึ้นแท็กซี่ไปพอร์ทแลนด์ เจอคนขับแอฟริกันโม้จ้อไปตลอดทางยิ่งกว่าขามาเสียอีก ฟังพวกเขาพูดแล้วก็อดสงสัยไม่ได้ว่าพวกผู้ชายประเทศนี้มันจะแต่งงานกันไปทำไม ถ้าชีวิตสมรสมันลำเค็ญขนาดนั้น

ขากลับเราเดินทางย้อนรอยทางเดิมเหมือนเมื่อตอนขามา บินออกจากพอร์ทแลนด์ไปซานฟราน แล้วเปลี่ยนเครื่องอีกครั้งที่นาริตะ ผ่านการตรวจตราแต่ละด่านอย่างเข้มข้น ตรวจทั้งกระเป๋า เป้ โน๊ตบุ๊คคอมพิวเต้อร์ เสื้อหนาว โลชั่น ยันรองเท้า ก่อนจะเดินทางถึงสุวรรณภูมิโดยสวัสดิภาพ นำผลสำเร็จของการประชุมมาให้เจ้าแม่แสนสวย นำของฝากมาให้น้องๆ และครอบครัว สมปรารถนากันถ้วนทั่วทุกตัวคน


ป.ล. หลังจากกลับมาถึงเมืองไทยได้แค่วันเดียว คุณอุ้ยก็ส่งจดหมายมาบอกว่าหิมะร่วงพรูหนาเตอะจนออกไปไหนไม่ได้เลยทั้งวัน เย้! ดีใจจัง


ขอบคุณ เจ้าแม่แสนสวย ผู้ใช้ให้ไปประชุม
ขอบคุณ คุณนา เพื่อนเดินทางตลอดทริป
ขอบคุณ คุณอุ้ย คุณสอง คุณตุ๊ก สำหรับการต้อนรับด้วยน้ำใจชาวไทยอันอบอุ่นในดินแดนอันหนาวเย็น
ขอบคุณ Mama Toh ในมิตรไมตรีอันดียิ่งของชาวจีนโพ้นทะเล
ขอบคุณ รองเท้า Nike รุ่น Air Obsedian Mid Goretex ปกป้องบาทจากหิมะ
ขอบคุณ ถุงมือสกีสีชมพูหวานจากดูไบ ภรรยาให้ยืมมาป้องกันความหนาวเย็นและเป็นที่ระลึก
ขอบคุณ บริษัทไนกี้ อุปถัมภ์ค่าใช้จ่ายตลอดการเดินทาง



บันทึกการเดินทางโดย Sneaker Freaker
5-14 January 2007

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

สมัครสมาชิก ส่งความคิดเห็น [Atom]

<< หน้าแรก